วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

โน๊ตบุ๊ค

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012


ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก acer.caapple.com asus.comdell.comfacebook HP UK,facebook Lenovosamsung.comuk.computers.toshiba-europe.com

          สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คตัวใหม่เอาไว้ใช้งาน แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรซื้อรุ่นไหนดี ถึงจะเหมาะกับการใช้งานของตัวเอง ซึ่งในขณะนี้กระแสของ "อัลตร้าบุ๊ค" (Ultrabook) กำลังเป็นที่กล่าวถึงอย่างมาก ทั้งในเรื่องของความสวยงาม ดีไซน์ รวมทั้งมีน้ำหนักที่เบา แต่ยังคงไว้ซึ่งความสามารถในการทำงานได้เหมือนกับโน๊ตบุ๊คทั่ว ๆ ไป ซึ่งในวันนี้กระปุกดอทคอมได้นำข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเจ้าอัลตร้าบุ๊คดีที่สุดแห่งปี 2012 จากเว็บไซต์ reghardware มาฝากกัน

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012
 1. Acer Aspire S3-951

          ไม่น่าเชื่อว่า "เอเซอร์" จะปาดหน้าคว้าชัยในการเป็นอัลตร้าบุ๊คดีที่สุดในปีนี้มาครองเหนือ แม็คบุ๊ค จากแอปเปิ้ลได้สำเร็จ แต่เมื่อผลออกมาเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าทางเอเซอร์ก็มีการพัฒนาความสามารถและความทันสมัยของอัลตร้าบุ๊คมาอย่างต่อเนื่อง โดย Acer Aspire S3-951 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว แสดงผลระดับ HD, โพรเซสเซอร์ 1.6 GHz Core i5, 4GB Ram และมีฮาร์ดดิสให้ถึง 320GB เลยทีเดียว 

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012

 2. Apple MacBook Air 13in

          แม้จะพลาดอันดับหนึ่งไป แต่แอปเปิ้ลก็ยังคงมีกระแสแรงตามมาติด ๆ ซึ่ง Apple MacBook Air 13 inch รุ่นนี้ นอกจากจะมีรูปทรงสวยเก๋แล้ว ตัวเครื่องยังบางและมีน้ำหนักเบาเพียง 1.35 กิโลกรัม ซึ่งมากับโพรเซสเซอร์ 1.7GHz Core i5 CPU, 4GB RAM และมีสโตเรจให้เก็บข้อมูลได้ 128GB SSD นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีช่อง SD card slot และช่อง Thunderbolt port ให้อีกด้วย

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012

 3. Asus ZenBook UX31E

          แอสซุส ก็ไม่ยอมน้อยหน้าค่ายอื่น ๆ โดยนำเสนอ ZenBook UX31E แข่งกันในตลาดอัลตร้าบุ๊คเช่นกัน ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แม้ดีไซน์จะดูเรียบ ๆ แต่ระบบในตัวเครื่องก็ไม่ธรรมดาเหมือนหน้าตา เพราะมีโพรเซสเซอร์ 1.8GHz Core i7, 4GB RAM สโตเรจอีก 128GB SSD รวมทั้งมี USB 2 และ USB 3 ports, micro HDMI และ mini-VGA ในตัว

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012
 4. Apple MacBook Air 11in

          Apple MacBook Air ขนาดหน้าจอ 11 นิ้ว ก็ตามมาอยู่ในอันดับ 4 ของอัลตร้าบุ๊คดีที่สุดในปีนี้อีกรุ่นหนึ่ง แม้จะมีขนาดหน้าจอที่เล็กลงมานิดนึง แต่จุดเด่นของมันก็อยู่ที่น้ำหนักที่เบาลงด้วยเช่นกัน โดยมีน้ำหนักแค่ 1.08 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรุ่นล่าสุดนั้นเป็นโพรเซสเซอร์ 1.6GHz Core i5, 2GB RAM และสโตเรจให้เก็บข้อมูลอีก 64GB SSD

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012

 5. Asus ZenBook UX21E

          Asus ZenBook UX21E ตัวนี้ ตั้งใจท้าชนกับ MacBook Air 11in อย่างเต็มตัว ด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน น้ำหนักเครื่องและหน้าจอเท่ากัน และเป็น Core i5 เหมือนกัน แต่ UX21E กลับมีตัวเก็บข้อมูลที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือ 4GB RAM และ 128GB SSD นอกจากนี้ยังมีพอร์ทและคอนเน็คเตอร์ส เหมือนกับรุ่น UX31E เป๊ะ ๆ เลยทีเดียว

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012

 6. Dell XPS 13

          แม้จะออกตัวช้ากว่ายี่ห้ออื่น ๆ แต่ในที่สุด เดล ก็ปล่อย Dell XPS 13 ออกมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยมีคุณสมบัติเด่นที่เป็น 1.7GHz Core i7 มาพร้อมกับ 4GB RAM และสโตเรจอีก 256GB SSD ส่วนหน้าจอมีการแสดงผลแบบ HD ด้วยขนาด 13.3 นิ้ว นับว่าเป็นอัลตร้าบุ๊คที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่งจริง ๆ

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012

 7. HP Envy 14 Spectre

          ทางด้าน เอชพี ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ส่ง Envy 14 Spectre ออกมาประชันในตลาดอัลตร้าบุ๊คอีกรุ่นหนึ่ง โดยเครื่องรุ่นนี้มีหน้าจอที่คมชัดและมีขนาดใหญ่ถึง 14 นิ้ว หนา 22 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม ซึ่งเป็นโพรเซสเซอร์ 1.6GHz Core i5, 4GB RAM และสโตเรจ 128GB SSD นอกจากนี้ยังมี USB 2 และ USB 3, HDMI และ DisplayPort interfaces มาในตัวเครื่องอีกด้วย

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012
          
 8. Lenovo IdeaPad U300s

          สำหรับอัลตร้าบุ๊คจาก Lenovo รุ่น IdeaPad U300s ขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วตัวนี้ นอกจากจะมีดีไซน์เครื่องที่สุดล้ำนำสมัยแล้ว ยังจัดเต็มกับสเป็คเครื่อง 1.8GHz Core i7, 4GB RAM และสโตเรจเก็บข้อมูลอีกถึง 256GB SSD เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการรอคอยของแฟน ๆ เลโนว่าอย่างแท้จริง

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012

 9. Samsung Series 5 NP530U3B 13in

          อัลตร้าบุ๊คของซัมซุงรุ่น Series 5 NP530U3B 13in เป็นที่น่าจับตามองอยู่ไม่น้อยสำหรับผู้ที่มองหาเครื่องที่มีหน่วยความจำเยอะ ๆ ไว้ใช้งาน ด้วยหน้าจอขนาด 13 นิ้ว แสดงผลแบบ HD มาพร้อมกับโพรเซสเซอร์ 1.6GHz Core i5, 4GB RAM แถมจัดหนักกับฮาร์ดดิสขนาด 500 GB และตัวเครื่องมีน้ำหนักเพียง 1.39 กิโลกรัม 

ชม 10 อันดับ อัลตร้าบุ๊ค ดีที่สุดแห่งปี 2012

 10. Toshiba Portégé Z830-10N

          ปิดท้ายกับ Toshiba Portégé Z830-10N ที่มีหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว น้ำหนัก 1.12 กิโลกรัม มาพร้อมกับช่องยูเอสบี Gigabit Ethernet, HDMI, mini-VGA และยังมี SD card reader ให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีหน่วยความจำเครื่อง 4GB RAM และสโตเรจอีก 128GB SSD แต่น่าเสียดายที่ยังเป็นโพรเซสเซอร์  1.4GHz Core i3 เท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าค่อนข้างแพงอยู่เหมือนกัน

สุดยอด! 11 ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก NATIONAL GEOGRAPHIC 2014

Advertisement
มีมาฝากให้ได้รับชมกันอีกแล้วครับสำหรับภาพสวยๆจากทั่วทุกมุมโลกของเราในวันนี้ นานๆ ทีจะมีภาพมาฝากกันก็ต้องหยิบเอาภาพที่ไม่ธรรมดามาฝากกันอยู่แล้วครับ บางบภาพนั้นต้องบอกว่ามันสะท้อนถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ส่วนบางภาพนั้นก็สะท้อนให้เห็นถึงพลังของธรรมชาติที่ดูเหมือนว่าจะยิ่งใหญ่เสมอ ชุดภาพที่เรานำมาฝากกันในวันนี้มาจาก National Geographic ซึ่งเป็นภาพที่ได้รับการคัดเลือกมาทั้งหมด 11 ภาพครับประจำปี 2014
ชุดภาพทั้ง 11 ภาพนี้มาจากภาพถ่ายของผู้คนจากทั่วโลกที่ส่งเข้ามาประกวดมากกว่า 1.8 หมื่นภาพเลยทีเดียวโดยภาพที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ผู้ที่ส่งเข้าประกวดจะได้ไปตลุยอลาสก้า 8 วันด้วยกันกับทีมงานของ National Geographic ครับ
อย่างที่บอกไปแล้วว่าต่ละภาพที่ด้รับารคัดสรรมาทั้ง 11 ภาพที่ทุกท่านจะได้ชมกันต่อไปนี้ให้ความรู้สึกที่สุดยอด สมกับเป็นภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก National Geographic ประจำปี 2014 จริงๆ ไปชมกันเลยครับจะมีภาพอะไรบ้าง
เริ่มต้นกันที่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 The Independence Day ผู้ถ่ายภาพนี้คือ Marko Korošec สถานที่ Julesburg, Colorado, USA
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 Mea Shearim, Jerusalem, Israel ผู้ถ่ายภาพนี้คือ Agnieszka Traczewska สถานที่ Mea Shearim, Jerusalem, Israel
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
รองชนะเลิศอันดับ 2 Diver in Magic Kingdom ผู้ถ่ายภาพนี้คือ Marc Henauer สถานที่ Grüner See at Tragöss, Austria
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
รางวัลภาพถ่ายยอดเยี่ยม Light Source ผู้ถ่ายภาพนี้คือ Marcelo Castro สถานที่: Old Bagan, Burma
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
รางวัลภาพถ่ายยอดเยี่ยม End of the World ผู้ถ่ายภาพนี้คือ sean hacker teper สถานที่: Banos, Ecuador
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
รางวัลภาพถ่ายยอดเยี่ยม A Well Earned Rest in the Sahara ผู้ถ่ายภาพนี้คือ Evan Cole สถานที่: Summit of Tin-Merzouga, Tadrat, Tassili N’Ajjer National Park, Algeria
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
รางวัลภาพถ่ายยอดเยี่ยม Divine Makeover ผู้ถ่ายภาพนี้คือ Mahesh Balasubramanian สถานที่: Kaveripattinam, Tamilnadu, India
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
รางวัลภาพถ่ายยอดเยี่ยม Ladies in Waiting ผู้ถ่ายภาพนี้คือ Susie Stern สถานที่: Burough Market, London, England
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
รางวัลภาพถ่ายยอดเยี่ยม Foggy, Small Town ผู้ถ่ายภาพนี้คือ Duowen Chen สถานที่: Český Krumlov, South Bohemian, Czech Republic
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
รางวัลภาพถ่ายยอดเยี่ยม Khotso Peace ผู้ถ่ายภาพนี้คือ Devil’s Knuckles สถานที่: Jonathans Lodge, Qachas Nek, Sehlabathebe National Park, Lesotho
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
และสุดท้ายรางวัลขวัญใจผู้ชม: Among the Giants ผู้ถ่ายภาพนี้คือ James Eimmerman สถานที่: Sequoia National Forest, CA
สุดยอด-11-ภาพถ่ายท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก-national-geographic-2014
บอกได้เลยว่าบ้างครั้งเราก็ไม่นึกว่าจะมีสถานที่สวยงามบนโลกใบนี้ได้มากถึงเพียงนี้ ยังมีอีกหลายสถานที่บนโลกที่เรายังไม่ได้เห็นความสวยงามของมัน ภาพถ่ายเหล่านี้นั้นจึงเหมือนหน้าต่างที่ช่วยให้เราได้เห็นโลกใหม่ๆ มากยิ่งขึ้นครับ

10 อันดับ เด็กเก่ง

10 อันดับ เด็กเก่ง

อย่างที่หลาย ๆ คนคิดกันคับว่าผู้ใหญ่จะเก่งกว่าเด็กฉลาดกว่าเด็ก แต่! มันก็ไม่ทั้งหมดเช่นพวกเค้า

อันดับ 10 Elaina Smith ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตอายุ 7 ขวบ




สถานีวิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำ ปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง
คำแนะนำง่าย ๆ ของ เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน
ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า ” ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง
ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว”


อันดับ 9 Willie Mosconi เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ 





William Joseph Mosconi หรือเจ้าของฉายา “Mr. Pocket Billiards” (pocket billiard = พูล) หนูน้อยจาก Philadelphia, Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูลแต่กลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล แต่ Willie ก็ไม่ยอมแพ้โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า ๆ ในครัวของแม่ ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้ ทั้ง ๆ ที่เขายัง ต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม
ใน ปี 1919 ได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหนูน้อย Willie วัย 6 ขวบและแชมป์โลกอย่าง Ralph Greenleaf แม้ Greenleaf จะเป็นผู้ชนะแต่ Willie ก็เล่นได้ดีมากและทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบิลเลียดอาชีพตั้งแต่บัดนั้น และในปี 1924 Willie ก็ได้เป็นแชมป์ straight pool (พูล 15 ลูก) เยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และมีงานเดินสายโชว์เทคนิคการเล่นอย่างสม่ำเสมอใน ช่วงปี 1941-1957 Willie ก็ได้ครองแชมป์ BCA (Billiard Congress of America) World Championship ถึง15 สมัย เป็นผู้ริเริ่มเทคนิคใหม่ ๆ ในการตีบิลเลียด สร้างสถิติมากมาย และยังช่วยทำให้กีฬาบิลเลียดกลายเป็นที่นิยมอีกด้วย ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในการตีลูกได้ติดต่อกัน ถึง 526 ลูกในการแข่งขัน Straight Pool


อันดับ 8 Fabiano Luigi Caruana แกรนมาสเตอร์หมากรุกอายุน้อยที่สุด 




Fabiano หนุ่มน้อยสองสัญชาติ (อเมริกัน-อิตาลี) ปัจจุบันอายุ 16 ปี เขาได้เป็นแกรนมาสเตอร์ตั้งแต่ปี 2007 ตอนนั้นเขามีอายุเพีย 14 ปี 11 เดือน 20 วัน ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ของอิตาลีและอเมริกา และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาสมาพันธ์หมากรุกโลก (World Chess Federation (FIDE)) ได้ประกาศว่า Fabiano นั้นมีอันดับโลกอยู่ที่ 2649 ทำให้ เขากลายเป็นนักหมากรุกที่มีอันดับสูงสุดสำหรับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี

(ป.ล. ดูผ่านๆผมนึกว่าแฮรรี่ พอตเตอร์)


อันดับ 7 Michael Kevin Kearney: รับปริญญาใบแรกเมื่ออายุ 10 ขวบและกลายเป็นเศรษฐีจากการเล่นเรียลลิตี้โชว์

หนุ่มวัย 24 ผู้นี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดใน โลก และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 17
ในปี 2008 เขาชนะ้รางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเล่นเกมโชว์ที่ชื่อว่า Who Wants to be a Millionaire? นอกจากนี้เขายังทำสถิติโลกไว้อีกหลายอย่าง
Kearney เริ่มพูดคำแรกเมื่ออายุ 4 เดือน เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาบอกกับกุมารแพทย์ของเขาว่า “ผมติดเชื้อที่หูซ้ายฮะ” อายุ 10 เดือนก็เริ่มเรียนเขียนอ่าน อายุ 4 ขวบ
ได้เข้าร่วมการทดสอบทางคณิตศาสตร์ของสถาบัน Johns Hopkins และได้คะแนนเต็ม เรียนจบไฮสคูลเมื่ออายุ 6 ขวบ และเข้าเรียนที่ Santa Rosa Junior College
จนจบปริญญาเมื่ออายุ 10 ขวบในปี 2006 ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเล่นเกมออนไลน์ Gold Rush จนชนะและได้รางวัล 1 ล้านเหรียญเป็นคนแรก


อันดับ 6 Saul Aaron Kripke: Harvard( มหาวิทยาลัยอันดับ1 ของโลก) เชิญให้ไปสมัครเป็นอาจารย์ขณะที่ยังเรียนไฮสคูล




Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha รัฐ Nebraska เริ่มศึกษาพีชคณิตเมื่อตอนอยู่เกรด 4
และพอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิตและแคลคิวลัสจนทะลุปรุโปร่ง และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา Kripke
เขียนบทความหลายชิ้นทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ (semantics) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี
และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้นทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชา คณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด
เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า “แม่ผมบอกว่าให้ผมเรียนให้จบไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า”
และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ดKripke ได้รับรางวัล Shock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญาที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล
ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่


อันดับ 5 Aelita Andre : หนูน้อยที่มีผลงานภาพออกแสดงในแกลลอรี่มีชื่อเสียง ด้วยวัยเพียง 2 ขวบ




ศิลปินแนว Abstract อายุเพียง 2 ขวบผู้นี้ได้กลายเป็นบุคคลที่ชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเป็นอันมาก เมื่อผลงานของเธอได้ออกแสดงใน Brunswick Street Gallery ใน Melbourne’s Fitzroy
Mark Jamieson ผู้อำนวยการของแกลลอรี่ดังกล่าวได้เห็นภาพที่ Nikka Kalashnikova นักถ่ายภาพคนหนึ่งที่มีงานแสดงในแกลลอรีนำมาให้ดูและเขาก็ชอบจนตกลงใจที่จะ จัดการแสดงภาพเหล่านั้น จนเมื่อได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานในนิตยสารต่าง ๆ แล้ว เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าของผลงาน คือลูกสาวของ Kalashnikova นั่นเอง และมีอายุเพียง 22 เดือน แม้ Jamieson รู้สึกอับอายไม่น้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงผลงานของหนูน้อยต่อไป

อันดับ 4 Cleopatra Stratan : นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง (47,000-48,000 บาท)



Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม 2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า”At the age of 3″ และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมา เนีย




อันดับ 3 Akrit Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ 



Akrit Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า “เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก” เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ
กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน
Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการและยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่า ตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีก ครั้ง ขณะนี้ Akrit กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน

อันดับ 2 Gregory Smith: ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่ออายุ เพียง 12 ปี 



Gregory เกิดในปี 1990 อ่านหนังสือออกตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ขวบ ความเป็นอัจฉริยะของเขานั้นยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อเขาตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรณรงค์เรื่องสันติภาพและสิทธิ เด็ก

Gregory Smith เป็นผู้ก่อตั้ง International Youth Advocates ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพและความเข้าอกเข้าใจใน ระหว่างเยาวชนทั่วโลก เขาเคยได้พบกับผู้นำคนสำคัญอย่าง Bill Clinton และ Mikhail Gorbachev และยังเคยปฐกถาต่อหน้าที่ประชุม UN อีกด้วย
จากการทำงานด้านมนุษยธรรมนี้ ทำให้เขาได้ถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับคือ…มีใบขับขี่เป็นของตัวเอง ได้ซะทีนั่นเอง


อันดับ 1 Kim Ung-Yong: เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี IQ สูงที่สุดในโลก 



Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210

คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน สเปน เวียดนาม ตากาลอก เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี

คิม เป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 – 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับ ปริญญาเอกอีกเช่นกัน.

13 อาชีพที่ผู้หญิงเลือกได้

13  อาชีพที่ผู้หญิงเลือกได้
      คุณสมบัติของผู้หญิงทำงานเก่งๆนั้น  มักปรากฏชัดในตัวผู้หญิงที่รู้สึกสนุกกับงานที่ทำ  เข้าใจและมีความรู้ในความเป็นอาชีพที่ตนเลือก  จนสามารถดึงศักยภาพของตัวเองมาใช้ได้เต็มที่  นอกจากนี้ยังรู้จักนำข้อได้เปรียบทางธรรมชาติและยอมรับในสิ่งที่เป็นข้อจำกัดของความเป็นผู้หญิงมาใช้ได้เป็นอย่างดี  จึงทำให้สัดส่วนในโลกการทำงานของทุกสายอาชีพมีจำนวนผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น  และยังสามารถแทรกเข้าไปในหลายอาชีพที่เคยมีไว้สำหรับผู้ชายเท่านั้น  และนี่คือ 13 อาชีพที่สำรวจมาสำหรับผู้ที่กำลังอยากก้าวเข้าสู่สายอาชีพเหล่านี้

1.   ทนายความ  ไปได้ไกลเท่าที่ต้องการ
เงินเดือน :  ในสำนักงานทนายความท้องถิ่นบางแห่งอาจเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 3,000 บาท ส่วนในบริษัทต่างประเทศจะเริ่มต้นที่ประมาณ 16,000 บาท  และเงินเดือนขั้นสูงของทนายความซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทจะได้ 1,000,000 บาท ขึ้นไป
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  มีทนายความผู้ชายมากกว่าผู้หญิงในอัตราส่วน 80 : 20 แต่ปัจจุบันสัดส่วนการสอบเข้าคณะนิติศาสตร์หรือสอบใบอนุญาตทนายความของผู้หญิงมีแนวโน้มสูงขึ้น
การเริ่มต้น  :  ต้องจบจากคณะนิติศาสตร์หากต้องการว่าความในศาลต้องสอบใบอนุญาตว่าความ  และหากจะสอบเป็นผู้พิพากษาต้องสอบจากเนติบัณฑิตจากเนติบัณฑิตยสภาก่อน  สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นที่ปรึกษากฎหมายทางธุรกิจควรเรียนจบจากต่างประเทศหรือใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดีมาก
หน้าที่  :  เริ่มจากการเป็นทนายความที่ทำหน้าที่เสมียนหรือติดตามทนายความรุ่นพี่เพื่อเรียนรู้การทำงาน  ค้นคว้าวิจัยข้อกฎหมาย  ทำงานด้านเอกสาร  ประสานงาน  และเมื่อก้าวขึ้นระดับสูงก็ต้องดูแลลูกความ  วางโครงสร้างคดีว่าความ  ส่วนอัยการซึ่งเป้นทนายของรัฐนั้นจะดูแลการดำเนินการทางกฎหมายและรักษาผลประโยชน์ของภาครัฐเป็นหลัก
ความก้าวหน้า  :  ขึ้นอยู่กับความสามารถ  สติปัญญา  และโอกาส โดยตำแหน่งสูงสุดคือผู้พิพากษาหรือเป็นหุ้นส่วนบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย
ข้อดี  :  เป็นอาชีพที่มีเกียรติ  ได้รับความไว้วางใจและการยอมรับจากสังคมสูง
ปัญหาในการทำงาน  :  งานหนัก  มีเวลาส่วนตัวน้อย  และต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำบ่อยๆ เพราะการทำคดีส่วนใหญ่มักมีเงื่อนไขทางด้านเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ
อคติทางเพศ  :  ไม่มี  ขึ้นอยู่กับความสามารถมากกว่า  แต่ทนายความหญิงอาจมีข้อจำกัดมากกว่าในกรณีที่ต้องออกพื้นที่  จึงเน้นทำคดีแพ่งและพาณิชย์มากกว่าคดีอาญา

2.   สื่อมวลชน  สื่อกลางของสังคม
เงินเดือน  :  เริ่มตั้งแต่ประมาณ 8,500 บาท จนถึง 50,000 บาทขึ้นไป + เงินประจำตำแหน่ง ค่าเดินทาง  ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ใกล้เคียงกัน  โดยถ้าเป็นสื่อในด้านที่เกี่ยวกับผู้หญิง เช่น นิตยสารผู้หญิงก็จะมีผู้หญิงทำงานมากกว่า
การเริ่มต้น  :  เรียนจบสาขาไหนก็ได้แต่ต้องเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวมากและติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างสม่ำเสมอ  กาเรียนเฉพาะเช่นในคณะนิเทศศาสตร์หรือวารสารศาสตร์จะทำให้เข้าสู่สายอาชีพได้ง่ายขึ้น
หน้าที่  :  นำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นสู่สังคมโดยเฉพาะสื่อประเภทหนังสือพิมพ์  สามารถเป็นปากสียงให้ประชาชนธรรมดาๆในขณะที่สามารถตรวจสอบสถาบันที่มีอำนาจต่างๆได้  โดยถือเป็นสถาบันที่มีความเข้มแข็งมากสถาบันหนึ่ง
ความก้าวหน้า  :  ตำแหน่งไม่ใช่บทสรุปของงาน  คนมีความสามารถอาจได้เป็นถึงผู้บริหารองค์กร พอๆกับที่อาจพอใจในการเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามเช่นเดียวกับเงินเดือนที่ขึ้นอยู่กับความสามารถมากกว่าตำแหน่ง
ข้อดี  :  สามารถใช้อำนาจสื่อที่มีอยู่ในมือไปในทางที่มีประโยชน์ได้มาก  มีโอกาสเดินทางและรู้จักผู้คนทุกระดับชั้น รวมทั้งได้ประสบการณ์แปลกๆที่หายาก
ปัญหาในการทำงาน  :  งานหนัก  การแข่งขันสูง  ทั้งแข่งกับเวลาและสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและยังต้องแข่งกับเพื่อนร่วมอาชีพในลักษณะที่เป็น “ธุรกิจสื่อมวลชน”
อคติทางเพศ  :  ไม่ชัดเจนนัก  แต่สาเหตุที่ผู้หญิงมักไม่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารเป็นเพราะไม่สามารถทุ่มเทให้กับงานได้มากเท่าผู้ชาย  อาจเพราะเรื่องของครอบครัว  การทนแรงกดดันจากการแข่งขันได้น้อยกว่า  หรือมีข้อจำกัดในการทำงานบางประเภท  เช่น งานข่าวอาชญากรรม  ซึ่งมีความเสี่ยงสูง

3.  แอร์โฮสเตส  หวือหวากับรายได้และการเดินทาง
เงินเดือน  :  เริ่มที่ประมาณ  8,500 บาท  จนถึงประมาณ 80,000 บาท + ค่าเบี้ยเลี้ยง  ค่าชั่วโมงบิน  ค่าล่วงเวลาพิเศษ  ค่าภาษา ฯลฯ
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง
การเริ่มต้น  :  สิ่งสำคัญมากคือต้องมีสุขภาพแข็งแรง  บุคลิกดี  และทักษะทางภาษาดีโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ถ้ามีความรู้ด้านภาษาอื่นจะยิ่งได้เปรียบและทำให้ก้าวหน้าในอาชีพได้ดี
หน้าที่  :  ก่อนขึ้นเครื่องต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินที่ต้องทำงาน  ทั้งชั่วโมงบิน  สภาพอากาศ  จำนวนผู้โดยสาร และการบริการผู้โดยสารประเภทต่างๆ เมื่ออยู่ในเที่ยวบินต้องบริการอาหารและเครื่องดื่มให้ผู้โดยสาร  ดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างเข้มงวด  รวมทั้งสามารถให้ข้อมูลต่างๆในการเดินทางกับผู้โดยสารได้
ความก้าวหน้า  :  เป็นงานที่รายได้ดี
ข้อดี  :  ได้เดินทางท่องเที่ยว  ทำให้ได้ประสบการณ์กว้างไกล  ได้พบผู้คนมากมาย  และทันสมัยอยู่เสมอ  รวมทั้งมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนชาติต่างๆ และสร้างโอกาสในการทำงานในต่างประเทศ
ปัญหาในการทำงาน  :  ที่พบมากที่สุดคือปัญหาสุขภาพเนื่องจากต้องเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวน  การอดนอน  และการปรับเวลา  ซึ่งทำให้แอร์โฮสเตสส่วนใหญ่เกษียณตัวเองก่อนกำหนด
อคติทางเพศ  :  ไม่มี

4.  เลขานุการ  มือขวาของผู้บริหาร

เงินเดือน  :  ตั้งแต่ 8,500 บาท  จนถึง 300,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง  เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบสูง  และค่อนข้างจุกจิก  แต่เลขานุการในตำแหน่งสำคัญ เช่น เลขานุการองค์กรมักเป็นผู้ชาย
การเริ่มต้น  :  เรียนจบสาขาใดก็ได้  แต่ควรเรียนทักษะด้านเลขาฯเพิ่มเติม  ใช้คอมพิวเตอร์ได้ในระดับดี  หากมีความรู้ภาษาอังกฤษดีจะก้าวหน้ามาก  และที่สำคัญคือต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
หน้าที่  :  ถ้าเป็นเลขาฯแผนกจะเน้นการจัดการพื้นฐานในสำนักงาน  แต่เป็นเลขาฯของผู้บริหารจะต้องจัดการเรื่องต่างๆทั้งงานและส่วนตัวให้เจ้านาย  บางคนต้องเข้าร่วมประชุมออกงานพร้อมเจ้านายด้วย เลขาฯ ระดับผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถสูงทำหน้าที่ไม่ต่างจากมือขวาของเจ้านาย  ซึ่งต้องมีไหวพริบ  รู้จักกาลเทศะ และกล้าตัดสินใจ
ความก้าวหน้า  :  โดยตำแหน่งแล้วมักเคลื่อนไหวน้อย  ความก้าวหน้าขึ้นอยู่กับว่าเป็นเลขาฯของใคร
ข้อดี  :  มีโอกาสได้เรียนรู้งานหลากหลาย ได้พบปะผู้คนมากมายโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงๆ เป็นการเปิดโลก  รู้จักวิเคราะห์นิสัยคน  เรียนรู้การเข้าสังคมได้หลายระดับ  ทำให้มีโอกาสเปลี่ยนสายงานหรือทำธุรกิจของตัวเองได้
ปัญหาในการทำงาน  :  เนื่องจากต้องทำงานใกล้ชิดกับเจ้านายจึงต้องปรับตัวสูงเพื่อให้ทำงานร่วมกันได้ดี  และยังต้องมีวิธีจัดการกับปัญหาและผู้คนอย่างฉลาดและรวดเร็ว  เนื่องจากต้องประสานงานกับบุคคลจำนวนมากอยู่ตลอดเวลา
อคติทางเพศ  :  มีน้อยมาก

5.  ล่าม  ผู้ช่วยของการสื่อสาร

เงินเดือน  :  ล่ามประจำเริ่มที่ประมาณ 20,000 บาท  จนถึง 60,000 บาท ส่วนล่ามอิสระจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน  แต่โดยเฉลี่ยรายได้จะตกวันละ 10,000-30,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ใกล้เคียงกัน
การเริ่มต้น :  ต้องใช้ภาษานั้นๆได้อย่างดี อาจเรียนจบมาโดยตรง หรือเคยไปใช้ชีวิตในประเทศนั้น  นอกจากนี้ยังต้องมีควาชำนาญในเนื้อหาของงานที่แปล  และควรเข้ารับการอบรมหลักสูตรล่ามเบื้องต้นมาก่อน
หน้าที่  :  เป็นผู้ช่วยในการสื่อสารทำหน้าที่ถ่ายทอดภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่ง
ความก้วหน้า  :  วัดได้จากความสามารถในการรับงานที่ยากมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเริ่มจากการเป็นล่ามทั่วไปและก้าวหน้าเป็นล่ามในที่ประชุมซึ่งเป็นล่ามพูดตาม แปลหลังจากที่ผู้พูดกล่าวจบประโยคแล้ว  โดยนั่งอยู่ร่วมกับผู้พูดด้วย  และที่ใช้ความสามารถสูงสุดคือ ล่ามพูดพร้อมโดยล่ามจะอยู่ที่ห้องเล็กๆแปลคำพูดไปพร้อมกับผู้พูด  โดยผู้ฟังจะได้ยินเสียงล่ามผ่านทางหูฟัง
ข้อดี  :  ได้เพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการใหม่ๆ ที่หลากหลายเปลี่ยนแปลงไปตามเรื่องที่แปล
ปัญหาในการทำงาน  :  นอกจากต้องเข้าใจในภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาแล้ว  ยังต้องจับความต่างในวิธีการพูดหรือความสั้นยาวของคำให้พอดีกัน  และในกรณีเป็นล่ามในงานสำคัญ เช่น ทางการเมืองหรือการทูตล่ามควรพยายามวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในตัวล่ามได้
อคติทางเพศ  :  มีน้อยมาก  ยกเว้นอาจมีบางกรณี เช่น กรณีที่ล่ามหญิงต้องเข้าไปแปลงานในโรงงาน  ซึ่งใช้ศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกหากไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี  อาจทำให้ได้รับความไว้วางใจน้อยกว่า

6.  นักสำรวจ  สื่อกลางระหว่างคนและโลก
เงินเดือน  :  สังกัดภาครัฐก็ได้ผลตอบแทนเหมือนข้าราชการทั่วไป   แต่ถ้าทำงานวิจัยในช่วงเริ่มต้นจะได้รับทุนประมาณโครงการละไม่เกิน  500,000 บาท ส่วนโครงการใหญ่ๆ อาจได้รับทุนเป็นล้านขึ้นไป ( ระยะเวลา 2 ปี รวมค่าใช้จ่ายในการทำงานและเงินเดือน )
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ปัจจุบันมีนักวิจัยคิดเป็น 17 คน ต่อประชากร 100,000 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย  แต่เมื่อแยกตามความถนัดแล้วจะพบว่านักวิจัยด้านพฤกษศาสตร์จะเป็นผู้หญิงมากกว่า
การเริ่มต้น  :  ควรเรียนสายวิทย์หรือสายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจ  แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป  สิ่งสำคัญคือมีใจรักและตั้งใจจริงในการทำงาน
หน้าที่  :  ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานที่ตั้งไว้  แล้วจึงสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลให้ได้ตามวัตถุประสงค์
ความก้าวหน้า  :  สามารถเป็นนักสำรวจเชิงลึกที่เชี่ยวชาญในแขนงนั้นๆและมีโอกาสได้รับทุนสนับสนุนมากขึ้น
ข้อดี  :  ได้ความภาคภูมิใจในการนำความรู้ใหม่ๆ มาเผยแพร่  ได้รับเกียรติและการยอมรับจากสังคมในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ปัญหาในการทำงาน  :  ขาดแคลนคนทำงาน  เพราะขาดงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ
อคติทางเพศ  :  ไม่มี  แต่อาจมีปัญหาในการทำงานภาคสนามซึ่งยากลำบากสำหรับผู้หญิง

7.  โปรแกรมเมอร์  ผสานเทคโนโลยีเข้ากับการใช้งาน
เงินเดือน  :  ตั้งแต่ 15,000 บาท จนถึง 100,000 บาทขึ้นไป  หรือมีรายได้จากการรับงานอิสระเป็นโครงการ  ซึ่งรายได้จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมาเป็นหลัก
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ส่วนใหญ่เป็นชายประมาณ  70-80%
การเริ่มต้น  :  ควรมีพื้นฐานที่ดีทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ  สถิติ  และภาษาอังกฤษ  การหาความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เริ่มจากการไปลงคอร์สเรียนด้านการเขียนโปรแกรมตามมหาวิทยาลัย  โดยไม่จำเป็นต้องเรียนหลักสูตรปริญญา
หน้าที่  :  ออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้งาน  รวมทั้งติดตามผลการใช้งานและแก้ไขโปรแกรม  และในบางกรณีโปรแกรมเมอร์ต้องติดต่อและดูแลลูกค้าด้วย
ความก้าวหน้า  :  เนื่องจากเป็นสายอาชีพที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วตลาดแรงงานจึงยังต้องการมาก  ทั้งงานรับจ้างและสร้างธุรกิจของตนเอง  และมีโอกาสในการทำรายได้มาก
ข้อดี  :  โปรแกรมเมอร์ที่มีฝีมือจะได้ใบรับรองในอาชีพและสาขาที่ตนถนัดและมีโอกาสรับงานได้มาก  โดยเฉพาะงานจากต่างประเทศซึ่งจะทำรายได้ดีขึ้นเป็นหลายเท่าตัว  โดยสามารถรับและส่งงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้
ปัญหาในการทำงาน  :  เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านนี้ก้าวหน้าไปเร็วมาก  โปรแกรมเมอร์จึงมักต้องทุ่มเทเวลาและงบประมาณในการเพิ่มพูนความรู้ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา  รวมทั้งต้องเรียนรู้ด้านการตลาดและการตอบสนองความต้องการของลูกค้า  ซึ่งโปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่ยังขาดทักษะนี้
อคติทางเพศ  :  ไม่มี  เนื่องจากยอมรับกันว่าเรื่องของเทคนิคนั้นทั้งหญิงและชายสามารถเรียนรู้ได้เท่ากัน  ส่วนผู้หญิงอาจได้เปรียบกว่าในแง่การเข้าถึงลูกค้า

8.  แพทย์  งานหนักที่ต้องเสียสละและเมตตา
เงินเดือน  :  ช่วงใช้ทุนระยะเวลา 3 ปี  จะได้รับเงินเดือนอัตราเดียวกับข้าราชการระดับ 4 คือประมาณ 8,610 บาท ส่วนเงินเดือนขั้นสูง  ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐ  ก็ปรับเงินเดือนตามอัตราข้าราชการ  แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางจะได้รับเงินเดือนประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  มีแพทย์ชายมากกว่าแพทย์หญิง 2 เท่า  แต่สัดส่วนของนักเรียนแพทย์ในปัจจุบันจะมีชายและหญิงไล่เลี่ยกัน
การเริ่มต้น  :  เริ่มจากการเลือกเรียนสายวิทย์ตั้งแต่มัธยมปลาย  ต้องมีผลการเรียนดี และควรผ่านคอร์สอบรมหลักสูตรการเตรียมตัวเป็นนักเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยต่างๆเปิดขึ้น  เพื่อการเตรียมตัวและตัดสินใจ  นักเรียนแพทย์จะใช้เวลาเรียน 6 ปี ในระดับปริญญาตรี  จากนั้นจึงเรียนเป็นแพทย์เฉพาะทางต่อไป
หน้าที่  :  ตรวจรักษาผู้เจ็บป่วยและติดตามผล  ซึ่งเป็นงานที่ต้องเสียสละ  อดทน  มีความเมตตา  และรับผิดชอบสูง
ความก้าวหน้า  :  ก้าวหน้าได้มากทั้งสายงานรัฐบาลและเอกชน  เพราะสังคมให้ความเชื่อถือและยอมรับสูง  มีโอกาสเรียนต่อเป็นแพทย์เฉพาะทางหรือเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง
ข้อดี  :  ได้รับความเคารพและเชื่อถือสูง  และเป็นอาชีพที่มีเกียรติในสังคม
ปัญหาในการทำงาน  :  งานหนัก  บางครั้งทำงานไม่เป็นเวลา  มีเวลาส่วนตัวค่อนข้างน้อย  และในช่วงหลังคนไข้เริ่มตื่นตัวในสิทธิ์ของผู้ป่วยมากขึ้น  จึงมีโอกาสที่แพทย์จะถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับการรักษามากขึ้น
อคติทางเพศ  :  ไม่มี  แต่ผู้เชี่ยวชาญบางสาขายังมีแพทย์หญิงสนใจเลือกน้อยมากเพราะเป็นงานหนัก เช่น งานด้านศัลยกรรม  โดยเฉพาะศัลยกรรมสมอง  หรืองานด้านนิติเวช

9.  นักการเมือง  ตัวแทนคุณภาพของประชาชน
เงินเดือน  :  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เงินเดือนประมาณ 70,000 บาท ส่วน ส.ส. ที่ทำหน้าที่บริหารด้วยจะได้รับเงินเดือนลดหลั่นกันไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง  โดยจะได้รับเป็นเงินเดือนบวกเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการการเมือง
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ปัจจุบันมีผู้หญิงเป็นนักการเมืองมากขึ้น  และได้รับเลือกเป็น ส.ส. คิดเป็นจำนวนประมาณ 20% ของส.ส.ทั้งหมด
การเริ่มต้น  :  ต้องเรียนจบปริญญาตรีมีใจรัก  และมีอุดมการณ์ เพราะเป็นงานที่ต้องเสียสละและไม่มีตารางเวลางานที่ชัดเจน  ต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์อย่างดีจากอาชีพเดิมที่เคยทำมา  รวมทั้งเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกและประเทศการเริ่มต้นอาชีพทำได้โดยการเข้าไปสังกัดพรรคการเมืองที่ชอบ
หน้าที่  :  เป็นตัวแทนของประชาชนในการบริหารบ้านเมือง  ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
ความก้าวหน้า  :  สามารถเติบโตเป็นนักการเมืองระดับประเทศ  หัวหน้าพรรค  ประธานกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร  หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน  รัฐมนตรี  และตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองคือนายกรัฐมนตรี
ข้อดี  :  ได้รับการยอมรับและยกย่องในฐานะที่พึ่งของประชาชน  รวมทั้งมีสิทธิพิเศษในหลายๆเรื่อง
ปัญหาในการทำงาน  :  งบประมาณจำกัดจนทำให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ไม่ทั่วถึง  งานหนัก  ไม่มีที่ทำงานเป็นหลักแหล่งถ้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งบริหาร  ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเพราะต้องออกพื้นที่อยู่เสมอ  และมีการแข่งขันสูง
อคติทางเพศ  :  ลดลงจากเดิมมาก  แต่ที่ผู้หญิงเข้าสู่สายอาชีพนี้น้อยเพราะเป็นงานที่หนักและเหนื่อย

10.  พยาบาล  นางฟ้าในชุดขาว
เงินเดือน  :  ถ้าสังกัดองค์กรรัฐจะเริ่มต้นที่เงินเดือนและตำแหน่งข้าราชการระดับ 3 และเลื่อนขั้นขึ้นเรื่อยจนถึงไม่เกินระดับ 9 ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนจะเริ่มที่ประมาณ 10,000 บาท จนถึง 50,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  90% เป็นผู้หญิง  ส่วนพยาบาลวิชาชีพที่เป็นผู้ชายมักเลือกเป็นอาจารย์หรือทำงานด้านดูงานการตรวจรักษาเบื้องต้นในชุมชนมากกว่า
การเริ่มต้น  :  จบด้านพยาบาลมาโดยตรง  ต้องรักการช่วยเหลือผู้อื่น  และมีความสามารถในการเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วย  สูญเสีย  และอารมณ์ต่างๆของคนไข้ได้เป็นอย่างดี
หน้าที่  :  ดูแลการรับคนไข้และกลั่นกรองว่าควรจะส่งตัวไปตรวจกับแพทย์ในสาขาใด ดูแลคนไข้ในขณะที่แพทย์วินิจฉัยอาการและสั่งยา  ประสานงานให้คนไข้ได้รับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์  รวมทั้งต้องดูแลความสุขสบายทั้งกายและใจของคนไข้ด้วย
ความก้าวหน้า  :  มีการเลื่อนขั้นเรื่อยๆตามอายุงาน  ตั้งแต่เป็นหัวหน้าเวร  หัวหน้าตึก  จนถึงหัวหน้าพยาบาล  ในโรงพยาบาลรัฐพยาบาลมักกระจุกตัวกันอยู่ที่ระดับซี 6 ถ้าจะให้ได้ซี 7 ก็ต้องมีผลงานวิชาการ  หากเป็นหัวหน้าตึกหรือมีตำแหน่งบริหารก็จะได้ตำแหน่งสูงสุดไม่เกินซี 9 หากเป็นเอกชนก็จะได้เลื่อนไปจนเป็นหัวหน้าพยาบาลแต่จะไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูง
ข้อดี  :  ทำให้ครอบครัวและคนรอบข้างรู้สึกอุ่นใจในเวลาเจ็บป่วย  โดยสามารถให้การดูแลและให้คำแนะนำเบื้องต้นได้
ปัญหาในการทำงาน  :  จัดว่าเป็นอาชีพที่ได้รับความสำคัญค่อนข้างน้อยหากเทียบกับสายวิชาชีพอื่นๆในประเภทเดียวกัน  รวมทั้งอาจเกิดความผิดพลาดได้ในกรณีที่แพทย์สั่งงานทางโทรศัพท์โดยไม่ได้เข้ามาตรวจอาการคนไข้ด้วยตัวเอง
อคติทางเพศ  :  แพทย์รุ่นเก่าจำนวนหนึ่งยังมองพยาบาลว่าเป็นเพศหญิงซึ่งเป็นแพทย์ที่ไม่ฉลาด  แต่แพทย์รุ่นใหม่จะยอมรับพยาบาลในลักษณะเป็นเพื่อนร่วมงานมากขึ้น

11.  ประชาสัมพันธ์  เธอคือภาพพจน์ขององค์กร

เงินเดือน  :  ในบริษัทเอกชนจะเริ่มที่ประมาณ  12,000 บาท และเงินเดือนขั้นสูงจะอยู่ในราว 50,000-100,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กรและความรับผิดชอบ
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง  แต่จะมีผู้ชายมากขึ้นในงานประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมด้วย
การเริ่มต้น  :  ถ้าเรียนมาทางด้านประชาสัมพันธ์โดยตรงจะเป็นประโยชน์มากแต่ก็ไม่จำเป็นนัก  ที่สำคัญคือต้องสนใจติดตามข่าวสารต่างๆ ทันสมัยอยู่เสมอ  ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี  และหากศึกษามาทางด้านสื่อสารมวลชนก็จะได้เปรียบเพราะนอกจากจะเข้าใจเนื้องานได้ง่ายขึ้นแล้ว  ในการทำงาน  ยังต้องประสานงานกับสื่อมวลชนเป็นประจำอีกด้วย
หน้าที่  :  เผยแพร่ข่าวสารขององค์กรสร้างความรู้สึกความเข้าใจและสร้างทัศนคติที่ดีต่อกันทั้งระหว่างองค์กรกับบุคคลภายนอกและบุคลากรขององค์กรเอง ต้องคิดเป็น  เขียนเป็น นำเสนอได้  ที่สำคัญที่สุดต้องสามารถวางแผนการประชาสัมพันธ์  และประสานงานกับสื่อมวลชนได้ดี
ความก้าวหน้า  :  ขึ้นอยู่กับอายุงาน  ความสามารถ  และผลงานที่ทำให้องค์กรเป็นที่รู้จัก  อาจก้าวขึ้นไปถึงระดับผู้บริหาร  จนถึงการมีกิจการเป็นของตัวเองเกี่ยวกับงานด้านประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะ
ข้อดี  :  มีโอกาสรู้จักสื่อมวลชนหลายสาขา  ซึ่งจะเป็นผลดีหากต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง  ได้ประสบการณ์แปลกใหม่และพบปะผู้คนที่แตกต่างกันไป
ปัญหาในการทำงาน  :  การวัดความสำเร็จของงานขึ้นอยู่กับความสามารถในการแทรกตัวเข้าไปยังสื่อต่างๆ ทำให้ต้องแข่งขันกันสูงท่ามกลางพื้นที่อันจำกัดของสื่อมวลชน  และยังอาจวางตัวลำบากในการสร้างความสัมพันธ์กับสื่อมวลชนให้สมดุลระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
อคติทางเพศ  :  เป็นอาชีพที่ผู้หญิงได้รับการยอมรับมากกว่าผู้ชาย  เพราะเชื่อกันว่าประชาสัมพันธ์ที่เป็นผู้หญิงจะดูอ่อนหวาน  มีเสน่ห์  และทำให้คนอยากคุยด้วย  ซึ่งเป็นผลดีกับงานมากกว่า

12.  ข้าราชการ  เงินเดือนน้อยแต่มั่นคง
เงินเดือน  :  วุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี  4,100 บาท  ปริญญาตรี (ระดับ 3) 6,020  บาท  วุฒิปริญญาโท (ระดับ 4) 7,380 บาท  ปริญญาเอก (ระดับ 5) 9,040 บาท และมีการเลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนตามอายุงานและผลงาน  จนถึงขั้นสูงคือ 59,090 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  โดยรวมแล้วเท่าๆกัน ส่วนในรายละเอียดก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานว่าเหมาะสมกับความชำนาญของหญิงหรือชาย
การเริ่มต้น  :  ส่วนใหญ่ต้องผ่านการสอบของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แล้วจึงไปสอบสัมภาษณ์กับหน่วยงานต้นสังกัดอีกครั้ง  โดยพิจารณาจากความรู้ในสายงาน ความสามารถทางภาษา  การเข้าสังคม  การปรับตัว  มนุษยสัมพันธ์  วิธีการพูดจาโต้ตอบ  ทัศนคติ  ฯลฯ
หน้าที่  :  ขึ้นอยู่กับหน่วยงานต้นสังกัดโดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐเป็นหลัก  โดยแต่ละหน่วยงานจะแยกความรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน
ความก้าวหน้า  :  แม้จะเป้นงานที่ต้องใช้เวลามากในการก้าวสู่ตำแหน่งสูง  แต่ก็เป็นงานที่มั่นคง  สวัสดิการดี  และมีผลตอบแทนให้หลังจากเกษียณอายุแล้ว
ข้อดี  :  ในสังคมชนบทจะได้รับการยกย่องสูงโดยเฉพาะข้าราชการตำแหน่งที่ใหญ่มากๆ แต่ในสังคมเมืองข้าราชการก็เป็นคนทำงานคนหนึ่ง  แต่คนทั่วไปยังให้เกียรติเพราะถือว่าเป็นคนทำงานโดยไม่หวังผลกำไร  นอกจากนี้ยังมีโอกาสศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมทั้งเรียนต่อและฝึกอบรมได้ตลอดเวลา
ปัญหาในการทำงาน  :  รายได้น้อยไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ  จึงอาจทำให้เกิดปัญหาสมองไหลสู่ภาคเอกชนและเป็นบ่อเกิดของปัญหาคอร์รัปชั่น
อคติทางเพศ  :  ในปัจจุบันข้าราชการผู้หญิงได้รับการยอมรับเท่าเทียมผู้ชายและพบว่าหลายหน่วยงานมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นผู้หญิง

13.  พนักงานบัญชี  คุณละเอียดผู้ดูแลกระเป๋าเงิน

เงินเดือน  :  เริ่มต้นที่ประมาณ  8,000-10,000 บาทขึ้นไป  จนถึงมากกว่า 100,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ในสายงานผู้จัดทำบัญชีจะเห็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย  ประมาณ 60:40  แต่ถ้าเป็นงานตรวจสอบบัญชีผู้หญิงจะน้อยกว่าผู้ชายประมาณ 40:60
การเริ่มต้น  :  เรียนจบปริญญาตรีทางสายบัญชีหรือสูงกว่า  สำหรับผู้ต้องการทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี  ต้องจบบัญชีในสาขาบัญชีโดยตรง  และต้องมีความละเอียดรอบคอบสูงมาก
หน้าที่  :  มี 2 ส่วนคือ
1.  ผู้จัดทำบัญชี  จัดทำบัญชีทั้งประเภทรายวัน  รายเดือน  และรายปีของนิติบุคคล
2.  ผู้ตรวจสอบบัญชี  ตรวจสอบงบการเงินรายปีของนิติบุคลก่อนยื่นให้กรมสรรพากร
ความก้าวหน้า  :  ในส่วนผู้จัดทำบัญชีสามารถก้าวหน้าขึ้นตามประสบการณ์และความสามารถจนถึงเป็นผู้บริหารได้ส่วนผู้ตรวจสอบบัญชี  ต้องผ่านการฝึกงานในสำนักงานตรวจสอบบัญชีจนมีประสบการณ์ครบ 3,000 ชั่วโมงหรือเฉลี่ย 3 ปี จึงสามารถสอบรับใบอนุญาตตรวจสอบบัญชีที่เรียกว่า CPA ได้
ข้อดี  :  ได้รู้เกี่ยวกับการรับจ่ายเงิน  งบประมาณ  และกำไรขาดทุนของบริษัทรู้หลักการบริหารธุรกิจ  ซึ่งเป็นประโยชน์ในกรณีที่คิดจะทำธุรกิจของตัวเอง
ปัญหาการทำงาน  :  อาจเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้จัดทำบัญชีและผู้บริหารที่กังวลว่าจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจากการทำบัญชีตามมาตรฐาน  ส่วนผู้ตรวจสอบบัญชีต้องรับผิดชอบในเอกสารทางบัญชีของบริษัทที่ตนเข้าไปตรวจสอบหากทุจริตหรือประมาทเลินเล่อก็เป็นเหตุให้ถูกยึดใบอนุญาตตรวจสอบบัญชีได้
.............

ทหารหญิง

48 ทหารหญิงจากทั่วทุกมุมโลก ลองมาดูและช่วยโวตเธอกันว่า "ทหารหญิง" จากชาติไหนที่ดูเข้มแข็ง กล้าหาญ และงดงาม

ไทย



ปากีสถาน



นอร์เวย์



รัสเซีย



เกาหลีใต้



อิตาลี



ออสเตรีย



แคนาดา



สหราชอาณาจักร



อิสราเอล



สาธารณรัฐเชค



โปแลนด์



อินโดนีเซีย



จีน



ไต้หวัน



เอสโทเนีย



โปรตุเกต



สหรัฐอเมริกา



เนเธอร์แลนด์


เปรู



สวิตเซอร์แลนด์



แอลจีเรีย



ฟินแลนด์



กรีซ



เซอร์เบีย



เวียตนาม



โรมาเนีย



ลิธัวเนีย



ญี่ปุ่น



อิหร่าน



โคลัมเบีย



เบลเยี่ยม



เม็กซิโก



ฝรั่งเศส



อินเดีย



ยูเครน



ตุรกี



เนปาล



ออสเตรเลีย



นิวซีแลนด์



สวีเดน



สเปน



บาห์เรน



เคนยา



เซอร์เบีย



ชิลี



เยอรมันนี